พระบรมราโชวาทเกี่ยวกับ "ความรู้"

“...ความรู้นั้นสำคัญยิ่งใหญ่ เพราะเป็นปัจจัยให้เกิดความฉลาดสามารถ และความเจริญก้าวหน้า มนุษย์จึงใฝ่ศึกษากันอย่างไม่รู้จบสิ้น แต่เมื่อพิเคราะห์ดูแล้ว การเรียนความรู้ แม้มากมายเพียงใด บางทีก็ไม่ช่วยให้ฉลาดหรือเจริญได้เท่าไรนัก ถ้าหากเรียนไม่ถูกถ้วน ไม่รู้จริงแท้ การศึกษาหาความรู้จึงสำคัญตรงที่ว่า ต้องศึกษาเพื่อให้เกิด “ความฉลาดรู้” คือรู้แล้ว สามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้จริงๆ โดยไม่เป็นพิษเป็นโทษ การศึกษาเพื่อความฉลาดรู้ มีข้อปฏิบัติที่น่าจะยึดถือเป็นหลักอย่างน้อยสองประการ ประการแรก เมื่อจะศึกษาสิ่งใดเรื่องใดให้รู้จริง ควรจะได้ศึกษาให้ตลอดครบถ้วนทุกแง่ทุกมุม ไม่ใช่เรียนรู้แต่เพียงบางส่วนบางตอน หรือเพ่งเล็งเฉพาะแต่เพียงบางแง่บางมุม อีกประการหนึ่ง ซึ่งจะต้องปฏิบัติประกอบพร้อมกันไปด้วยเสมอคือต้องพิจารณาศึกษาเรื่องนั้นๆ ด้วยความคิดจิตใจที่ตั้งมั่นเป็นปรกติ และเที่ยงตรง เป็นกลาง ไม่ยอมให้ความรู้เห็นและเข้าใจตามอำนาจความเหนี่ยวนำของอคติ ไม่ว่าจะเป็นอคติฝ่ายชอบหรือฝ่ายชัง มิฉะนั้นความรู้ที่เกิดขึ้นจะไม่เป็นความรู้แท้ หากแต่เป็นความรู้ที่ถูกอำพรางไว้ หรือที่คลาดเคลื่อนวิปริตไปต่างๆ จะนำไปใช้ให้เป็นประโยชน์จริงๆ โดยปราศจากโทษไม่ได้...”

พระบรมราโชวาท ในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรของมหาวิทยาลัยศรีนครินทรโรฒ วันที่ ๒๒ มิถุนายน ๒๕๒๔

วันอาทิตย์ที่ 23 มีนาคม พ.ศ. 2551

อาหารกับผู้บริหาร (ชาย)

อาหารกับผู้บริหาร (ชาย)
สุขภาพของผู้บริหารเป็นสิ่งสำคัญมาก เพราะหากสุขภาพไม่ดีก็คงมีผลงานสร้างสรรค์ที่ดีตามมาไม่ได้ จากการตรวจพบว่าผู้บริหารชายกลัวเท่ไม่มากกว่าหญิงเสียด้วยซ้ำ คงเป็นเพราะไม่อยากจะสูญเสียสภาพผู้บริหารระดับสูงไปถ้าถูกคนอื่นบอกว่า “แก่วัยแล้วไร้ค่า”

ภาวะโภชนาการที่เหมาะสมสำหรับผู้บริหาร ก็ได้แก่การเลือกรับประทานคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน โปรตีนจากเนื้อสัตว์ที่ไม่ติดมัน โดยเฉพาะโปรตีนจากปลาซึ่งย่อยง่ายและให้น้ำมันอีพีเอ ลดคอเลสเทอรอลอีกด้วย และให้เน้นพวกผักสดและผลไม้ที่มีเส้นใยอาหารให้มาก เพื่อให้ร่างกายได้รับวิตามินและเกลือแร่อย่างเพียงพอ ทั้งยังช่วยให้ระบบย่อยอาหารและระบบขับถ่ายทำงานเป็นปกติ ดื่มน้ำสะอาดให้มากๆ วันละ 8-12 แก้ว

สิ่งที่ผู้บริหารควรหลีกเลี่ยงก็คือ อาหารประเภทน้ำตาล อาหารมัน โดยเฉพาะไขมันจากสัตว์ แกงกะทิ เนื้อสัตว์พวกหมู และเนื้อวัว ที่มีคอเลสเทอรอลสูง ไข่แดง ควรจำกัดไม่ให้เกินสัปดาห์ละ 2 ฟอง เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ น้ำชา-กาแฟ โคล่า ที่มีคาเฟอีนสูง และควรงดสูบบุหรี่ด้วย

อาหารเสริมโดยเฉพาะพวกวิตามินและเกลือแร่เป็นสิ่งสำคัญมาก เพราะระดับผู้บริหารมักจะมีอันจะกิน แต่ไม่ค่อยได้เลือกกินของมีประโยชน์เท่าที่ควร รวมทั้งความเครียดที่เกิดขึ้นจากการทำงานและสภาพแวดล้อมจะมีผลให้ร่างกายต้องการวิตามินและเกลือแร่เพิ่มมากขึ้น แม้ในคนที่รับประทานอาหารได้ครบทุกหมู่ก็ยังต้องการวิตามินและเกลือแร่เสริม เพราะปริมาณวิตามินตามค่า RDA นั้นเพียงเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดภาวะขาด แต่ไม่พอสำหรับการเสริมสร้างสุขภาพ และป้องกันโรคภัยไข้เจ็บได้

จากงานวิจัยพบว่าวิตามินและแร่ธาตุหลายชนิด สามารถช่วยป้องกันโรคต่างๆโดยเฉพาะโรคจากความเสื่อมของร่างกายตามวันได้ เช่น โรคหลอดเลือด โรคหัวใจ คอเลสเทอรอลสูง มะเร็ง โรคอ้วน ภูมิต้านทานต่ำ อ่อนเพลีย กระดูกเสื่อม ฯลฯ

วิตามินที่ช่วยลดความเครียดให้แก่ร่างกายบำรุงประสาทและสมอง ได้แก่ วิตามินในกลุ่มบีรวม โดยเฉพาะวิตามินบี 1-6-12 ดังนั้นผู้บริหารที่มีความเครียดสูง จะได้รับวิตามินกลุ่มนี้สม่ำเสมอ

ในผู้บริหารที่สูบบุหรี่ หรือต้องอยู่ในที่ๆ มีควันบุหรี่มาก โดยหลีกเลี่ยงไม่ได้ จะต้องการวิตามินและเกลือแร่เสริมมากเป็นพิเศษ นั่งทำงานในควันบุหรี่ รวมทั้งควันพิษจากท่อไอเสียรถยนต์และโรงงานอุตสาหกรรมในปัจจุบันจะมีออกซิเจนที่เป็นพิษ “ไนโตรเจนออกไซด์” และ ฟรี แรดิคอล จำนวนมากซึ่งสารเหล่านี้จะไปทำงายเยื่อหุ้มเซลล์ นิวเคลียสของเซลล์ ทำให้เซลล์ตายและกลายเป็นมะเร็ง ดังนั้นเราจึงพบว่าคนที่สูบบุหรี่จะมีโอกาสเกิดโรคมะเร็งปอดสูงและสามีหรือภรรยาของคนที่สูบบุหรี่ก็มีโอกาสเสี่ยงต่อมะเร็งปอดเพิ่มเป็นสองเท่าของปกติ ทั้งควันบุหรี่ยังทำให้เกิดโรคถุงลมโป่งพองด้วย

วิตามินและเกลือแร่ สำหรับคนสูบบุหรี่ ได้แก่ เบตา แคโรทีน วันละ 15 มก. หรือ 25,000 ยูนิตสากลวิตามินอี 400 ยูนิตสากล วิตามินซี 500-1000 มก. โฟลิคแอซิด 800 ไมโครกรัม วิตามินบี 12 500 ไมโครกรัม ซิลีเนียม 200 ไมโครกรัม และสังกะสี 15-30 มก.

วิตามินและเกลือแร่ดังกล่าวจะมีคุณสมบัติเป็น “แอนตี้ออกซิแดนท์” ต่อต้านและทำลายฟรี แรดิคอล ที่ร่างกายได้รับจากสิ่งแวดล้อม จึงช่วยลดความเสี่ยงชองมะเร็งปอด ตลอดจนความเสื่อมของร่างกายด้วย

ในปี ค.ศ. 1988 มีรายงานทางการแพทย์ว่า ในคนที่เริ่มมีความผิดปกติของทางเดินหายใจ หรือเริ่มมีมะเร็งระยะแรก การให้โฟลิค แอซิดขนาด 10 มก. และวิตามินบี 12 ขนาด 500 ไมโครกรัม สามารถทำให้เนื้อร้ายระยะแรกนี้กลายเป็นปกติได้ แต่ทั้งนี้ต้องอยู่ในความดูแลของแพทย์ เพราะเป็นการให้วิตามินสูงเพื่อการรักษา

ในผู้ชายวัยกลางคน ไม่มีความจำเป็นต้องเสริมธาตุเหล็ก เพราะมักไม่ขาด ยกเว้นเป็นโรคบางชนิด หรือกำลังลดอาหารเพื่อลดน้ำหนักเท่านั้น

ที่มา: I Love My Life อภินันทนาการฟรีพร้อมหนังสือพิมพ์ “คู่แข่งธุรกิจรายสัปดาห์” เฉพาะฉบับที่ 116 วันที่ 29 มี.ค.-4 เม.ษ 2536 หน้า 25-28

ไม่มีความคิดเห็น: